กำลังใจ...สู่ชาวใต้
ยิ่งเห็นภาพที่สื่อหลายสำนัก ถ่ายทอดให้สาธารณชนได้ รับรู้ ยิ่งเจ็บปวดใจ หลายครอบครัวต้องอพยพออกจากพื้นที่ บ้านหลายหลัง ใช้เป็นที่พักอาศัยไม่ได้ บางพื้นที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก สนามบิน ทางรถไฟ ถนนหลวงหลายสายได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์น้ำท่วม ต้องถือว่า เป็นปัญหาใหญ่จริง ๆ
ประชาชนหลายร้อยชีวิต ต้องติดค้างอยู่ในสนามบิน สถานีรถไฟ ซึ่งใครก็คงเดาออกว่า มีความยากลำบากมากขนาดไหน กับการใช้ชีวิตในพื้นที่ดังกล่าว และปัญหาที่ไม่น่าสมควรเกิดขึ้น คือเสียง ตำหนิสายการบินหลายสาย ทำไมถึง ไม่มีการแจ้งเตือน ไม่ประสานงาน เรื่องการเลื่อนเที่ยวบิน ปล่อยผู้ใช้บริการต้องเผชิญกับปัญหาตามยถากรรม จนทำให้คนรักความถูกต้อง รับกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้
ทีแรกนึกว่าน้ำท่วมครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบมากนัก พื้นที่ต่าง ๆ สามารถระบายน้ำลงทะเลได้อย่างรวดเร็ว เพราะเชื่อว่า ภาคใต้ถูกโอบล้อมด้วยทะเลและมหาสมุทร แต่กลายเป็นว่า ปริมาณน้ำฝนมีมากเหลือเกิน ตกติดกันหลายวัน ทำให้ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยปริมาณน้ำ จนต้องบอกว่า หนักหนาสาหัสจริง ๆ
แล้วไม่รู้ว่า มีใครสังเกตบ้างหรือเปล่า การทำงานของกระทรวงคมนาคม ยุคมี “นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ” เป็น รมว.คมนาคม ดูเหมือนหลายหน่วยงานในสังกัด จะเฉื่อยชากับการช่วยเหลือประชาชน ทั้งการแจ้งเตือนเส้นทางต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำท่วม การรับมือกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ การเลือกข้าราชการเข้ามารับตำแหน่ง ที่มีบทบาทสำคัญกับการแก้ไขปัญหา ก็ถูกวิจารณ์ว่า ใช้คนไม่ถูกกับงานจริง ๆ
ได้แต่หวังว่า ในอนาคตถ้า มีการปรับ ครม. “บิ๊กตู่ 5” พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ต้องวัดจากผลงานเป็น หลัก อย่าถือคติมาด้วยกันไปด้วยกัน เลือดสุพรรณไม่มีวันทิ้งกัน ใช้ไม่ได้แล้วล่ะครับในยุคนี้ ผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง รัฐมนตรีคนไหนทำงานไร้ประสิทธิภาพ ก็ต้องถูกปรับออกไปทันที
รวมถึง การใช้มาตรา 44 โยกย้ายข้าราชการ ไปแขวนไว้ที่สำนักนายกฯ ก็อย่าไปมุ่งเน้นเฉพาะข้อครหา ที่เกี่ยวข้องกับทุจริตคอร์รัปชั่นเท่านั้น ต้องให้ความสำคัญ กับพวกเช้าชามเย็นชาม ทำงานแบบไม่มีประสิทธิภาพ ถ้าเจอประเภทนี้ต้องโยกย้าย ให้พ้นภาระหน้าที่รับผิดชอบ เพราะจัดอยู่ในประเภท ’คอร์รัปชั่นเวลา“
วันนี้รัฐบาลได้ประกาศ ยกระดับการจัดการปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ให้เป็นการจัดการสาธารณภัยขนาดใหญ่ ระดับ 3 โดยได้จัดตั้ง กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ส่วนหน้าขึ้น ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 สุราษฎร์ ธานี และเขต 12 สงขลา ซึ่งมี “รมว.มหาดไทย” เป็นผู้บัญชาการ ทำหน้าที่บูรณาการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน ได้แต่หวังว่าทุกข์ของชาวใต้ จะได้รับการคลี่คลายอย่างทันท่วงที
ส่วนภาคธุรกิจ ก็หนีไม่พ้น “บริษัทซีพีเอฟ” ที่ผ่านมาสังคมในโลกออนไลน์ ชอบตำหนิเอกชนรายนี้เป็นประจำ แต่เวลาคนไทยได้รับความเดือดร้อน ทั้งอาหารสดอาหารแห้ง ผู้ประกอบการรายนี้ก็ระดมสิ่งของต่าง ๆ ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ทุกครั้ง ผิดกับเอกชนรายอื่น ๆ ถนัดหากินบนหลังคน เอารัดเอาเปรียบประชาชน
ถ้าเป็นนักการเมือง ที่ห่วงใยความเดือดร้อนเพื่อนร่วมชาติ คงหนีไม่พ้น “นายชวน หลีกภัย” อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย และ ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านภาคไหนประสบภัยประเภทต่าง ๆ จะลงไปให้ความช่วยเหลือ ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยคิดถึงประโยชน์ทางการเมือง คิดแต่ช่วยเหลือคนไทยด้วยกันเอง
ท้ายนี้ขอขอบคุณ “คุณอาคม ภริตานนท์” น้องชาย “อาจารย์กำแหง ภริตานนท์” ซึ่งเป็นผู้ประสิทธิประสาท ให้ทั้งความรู้ด้านการทำข่าว และเขียนหนังสือ ให้ผมยึดถือเป็นแบบอย่าง มาจนถึงทุกวันนี้ ที่
กรุณาแจ้งสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดชุมพร และพื้นที่ต่าง ๆ ให้รับทราบเป็นระยะ ๆ และยังฝากชื่นชม กำลังพลจาก “กองทัพภาคที่ 4” ซึ่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่
วันนี้ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้ ผมมั่นใจว่า ความเลวร้ายอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ จะได้รับการคลี่คลาย โดยเร็ว เชื่อเถอะคนไทยไม่มีวันทิ้งกันครับ
ที่มา: คมคิดคนเขียน
รูปภาพ : อินเทอร์เน็ต
แหล่งที่มา: http://www.dailynews.co.th/article/547532