บันคีมุน อำลาตำแหน่งเลขาฯ UN คาดจะลงสมัครเลือกตั้งเป็นปธน. เกาหลีใต้
31 ธันวาคม 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบันคีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ อำลาตำแหน่ง หลังจากเข้ารับหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ปี 2007 ต่อจากนายโคฟี อันนัน โดยเขาจะหมดวาระลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม 2017 และนายอันโตนิโอ กูแตร์รีช ชาวโปรตุเกส จะเข้ารับหน้าที่เลขาธิการสหประชาชาติต่อ
ทั้งนี้เขาเคยได้รับการจัดอันดับจากนิตยสารฟอร์บส ให้เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดอันดับ 32 ของโลกในปี 2013 และหลังพ้นจากตำแหน่ง คาดว่านายบันจะลงสมัครประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งที่จะชนะเลือกตั้ง
ประวัติ นาย บันคีมุน
Ban Ki-moon; เกาหลี: 반기문, ฮันจา: 潘基文, MC: Ban Gi-mun, MR: Pan Ki-mun; เกิด 13 มิถุนายน พ.ศ. 2487) เป็นเลขาธิการสหประชาชาติ คนที่ 8 และคนปัจจุบัน ต่อจากโคฟี แอนนัน โดยได้รับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2550 ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่ง พันเคยเป็นนักการทูตในกระทรวงการต่างประเทศและการค้าของเกาหลีใต้และในสหประชาชาติ เขาได้ก้าวเข้าสู่พิธีการทูตตั้งแต่ปีที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย โดยได้รับตำแหน่งแรกในนิวเดลี ประเทศอินเดีย ในระหว่างการทำงาน เขาได้สร้างชื่อเสียงในด้านความถ่อมตนและความสามารถ
พันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าของเกาหลีใต้ตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2547 ถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 เขาเริ่มการรณรงค์หาเสียงสำหรับตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ เดิมทีพันถูกพิจารณาว่ามีโอกาสเข้ารับตำแหน่งน้อยมาก อย่างไรก็ตาม ในฐานะรัฐมนตรี เขาสามารถเดินทางไปยังประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกประเทศได้ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้เขาได้เปรียบมากขึ้น
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2549 เขาได้รับเลือกจากสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติคนที่ 8 เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2550 เขาสืบทอดตำแหน่งแอนนันสำเร็จ และนำการปฏิรูปครั้งสำคัญในการรักษาสันติภาพและปฏิบัติการการจัดวางกำลังของสหประชาชาติ ในทางการทูต พันได้ให้ความเอาใจใส่อย่างมากต่อความขัดแย้งในดาร์ฟูร์ ที่ซึ่งเขาช่วยชักนำให้ประธานาธิบดีซูดาน อูมัร ฮะซัน อะห์มัด อัลบะชีร์ ยินยอมให้กองกำลังรักษาสันติภาพเข้าสู่ซูดาน ในประเด็นเกี่ยวกับปรากฏการณ์โลกร้อน เขาได้กดดันปัญหาดังกล่าวหลายครั้งกับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช
แหล่งที่มา: อ้างอิงhttp://news.voicetv.co.th/world/447453.html
https://th.wikipedia.org/wiki/พัน_กี-มุน