หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ดูเลย ! วิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็ว เรื่องนี้ธนาคารไม่ยอมบอก…เผยจากประสบการณ์ตรง ช่วยเซฟเงินได้เป็นแสน

โพสท์โดย SpiderMeaw

 

วิธีนี้หลายท่านคงรู้ดีอยู่แล้ว  ผมขอแชร์ให้ผู้ที่ไม่รู้แล้วกันนะครับ สละเวลาอ่านแล้วคุณจะประหยัดเงินได้เยอะเลย ที่ผมอยากแชร์ ปสก ตรงนี้ก็เพราะว่า พ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ผมหลายๆคน ที่บ้านนอกเค้าไม่เคยรู้เลยว่ามันทำได้ (คนในเมืองส่วนใหญ่จะรู้แล้ว) ได้แต่ก้มหน้าผ่อนธนาคารทำตามสเต็ป ผมเห็นท่านเหนื่อยมาก่อน พอผมมีปสก. กับตัวแล้วทำได้จริง ก็อยากบอกต่อ สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ครับ

 

1. ผ่อนให้หมดไว คือการรู้จักขอลดดอกเบี้ย

2. ได้เงินคืนบางส่วน คือเงินประกัน ที่หลายคนถูกบังคับให้ทำตอนกู้นะครับ ซึ่งหลายธนาคารมักจะอ้างว่า จะได้อนุมัติให้ผ่านง่ายขึ้นถ้าทำประกัน

(หลายคนอาจจะมีวิธีพูดที่ไม่ต้องทำ ตั้งแต่แรก แต่อันนี้สำหรับคนที่โดนไปแล้วนะครับ)

1. ปกติสัญญามักจะบอกว่าห้ามปิด (โปะหนี้) ก่อน3 ปี  เราจึงใช้ช่องโหว่ตรงนี้มาขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารครับ โดยการบอกว่าขอลดดอกเบี้ย (หลังจากผ่อนครบ 3 ปี) ถ้าไม่ได้ เรามีแผนว่าจะ รีไฟแนนท์ไปธนาคารอื่น (หมายถึง เราจะให้ธนาคารอื่นมาโปะหนี้กับธนาคารเดิม แล้วเราไปเป็นหนี้ธนาคารอื่นแทน)  เมื่อบอกแบบนี้แล้วธนาคารจะพยายามรักษาลูกหนี้ไว้ โดยการ รีเทนชั่น (คือลดดอกเบี้ยให้)

วิธีการ

ไปติดต่อที่สาขา ที่คุณกู้  เพื่อเจรจาขอลดดอกเบี้ย  โดยวิธีการคุยให้คุณได้เปรียบคือ ขอลดดอกเบี้ยดื้อๆเลยครับ โดยให้เหตุผลแค่ว่า เพราะเราเป็นลูกค้าชั้นดี ไม่เคยมีประวัติชำระไม่ตรง และตอนนี้ผ่อนมาครบ 3 ปีแล้ว อยากขอลดดอกเบี้ย ถ้าไม่ได้จะตั้งใจว่าจะรีไฟแนนท์ เพราะไปเช็คดอกเบี้ย โฮมโลนสำหรับลูกค้าใหม่มาแล้ว 4-5 ธนาคาร แล้วดอกถูกกว่าที่จ่ายอยู่

จากนั้นพนักงานอาจจะถามคุณว่าสนใจที่ไหนอยู่ คุณก็แกล้งบอกไปซัก 1 ธนาคาร ที่ดอกต่ำที่สุดในกระดาษที่คุณจดมา  (แต่คุณต้องเช็คแล้วเขียนใส่กระดาษไปเลย ว่าดอกเบี้ยแต่ละธนาคารเท่าไหร่ 4-5 ที่ อย่างที่บอกจริงๆ ย้ำว่าต้องเช็คไปจริงๆ เพราะคุณจะต่อรองได้มาก ธนาคารจะรู้เรตของธนาคารอื่นอยู่แล้ว แค่แกล้งถามให้รู้ว่าคุณเช็คมาจริง คุณเอาจริง) จากนั้นธนาคารเค้าจะออฟเฟอร์ดอกเบี้ยใหม่ให้คุณ ซึ่งก็ยังแพงกว่าของธนาคารที่คุณแจ้งไปเล็กน้อย  (เพราะเค้ารู้ว่า ถ้าคุณรีไฟแนนท์ คุณก็ต้องมีค่าใช้จ่าย และบางคนก็มองว่ายุ่งยาก ดอกเบี้ยลดให้แล้ว แต่ยังแพงกว่าหน่อย ลูกค้าส่วนใหญ่ก็โอเค ซื้อความสะดวก)  พอคุณได้ดอกเบี้ยใหม่ คุณก็ถามเค้าได้เลยว่า ดอกเบี้ยใหม่ เริ่มคิดให้ตั้งแต่เดือนไหน  (ผมกำลังหมายความว่า คุณสามารถไปติดต่อก่อนครบ 3 ปี ล่วงหน้าซัก 1-2 เดือนได้เลย)

**** ปล  ดอกเบี้ยของธนาคารอื่น 4-5 ธนาคารที่ผมให้เช็คและจดไปว่าที่ไหนต่ำสุด ให้คุณคำนวณว่าในระยะเวลาอีก 3 ปีที่จะผ่อนข้างหน้าต่ำสุด  ไม่ใช่ดูแค่ว่า 0% 3 เดือนแรก จากนั้น แพง  ให้คำนวณดูที่ 3 ปี  เพราะหลังจากนั้นทุกๆ 3 ปี คุณก็ใช้ช่องโหว่เดิมมาขอลดดอกเบี้ยได้อีก (จึงแนะนำให้ดูที่ 3 ปี) ทั้งนี้ทั้งนั้น ยอดหนี้ต้องเกิน 1 ล้านบาทตอนไปขอลดดอกเบี้ย (แล้วแต่ธนาคาร)

เพิ่มเติมให้ครับ  –> บางธนาคารก็ดูท่าทีเรานะครับ เพื่อประเมินว่าควรให้ดอกเบี้ยใหม่เท่าไหร่ ถ้าไม่รู้อะไรไปเลยก็จะได้ลดไม่เยอะ  เพื่อนผมเคยเจอแบบว่า พอพูดว่าจะรีไฟแนนท์ เค้าเช็คดูว่าเป็นหนี้บัตรเครดิตหรือป่าว จนเพื่อนผมต้องบอกว่า หนี้บัตรตั้งใจปิดก่อนรีไฟแนนท์อยู่แล้ว เพราะรู้ว่าต้องใช้ในการพิจารณ์สินเชื่อบ้าน  ยังไงก็จะปิดอยู่แล้ว  เลยได้ลดดอกเบี้ยมาครับ ถ้าเค้ารู้ว่าเราไม่มีทางเลือกเป็นหนี้บัตรเครดิต อาจจะยากในการขอสินเชื่อจากธนาคารใหม่ ธนาคารก็อาจจะดึงเกมส์โดยไม่ลดให้ หรือลดให้ไม่มาก เพราะรู้ว่าที่จริงแล้วเราไม่มีทางเลือกน่ะครับ

ทางที่ดี ก่อนไปต่อรอง ควรชำระบัตรให้หมด หรืออย่างน้อยให้บัตรเครดิตของธนาคารนั้นเป็น 0 ไปรวมหนี้ไว้ที่บัตรของธนาคารอื่นก่อน

————————————————————————

2. ได้รับเงินคืน เมื่อผ่อนหมด

กรณีถ้าคุณโดนบังคับทำประกันพร้อมกู้ซื้อบ้าน และคุณได้ทำสัญญากู้บ้านเช่น ทำสัญญากู้บ้าน 30 ปี  แต่คุณผ่อนจริง 17 ปีหมด คุณสามารถติดต่อขอเคลมเงินประกันคืน โดยคุณให้เหตุผลกับธนาคารว่า คุณได้คุ้มครองแค่ 17 ปี ที่เหลืออีก 13 ปีไม่ได้มีการคุ้มครอง เพราะผ่อนบ้านหมดแล้ว ดังนั้นจึงขอเคลม 13 ปีที่ไม่ได้คุ้มครองคืนเป็นเงิน

**** ทั้งนี้เงินที่ขอเคลมคืนอาจจะไม่ได้มากนะครับ อาจจะไม่กี่หมื่น  สอบถามธนาคารได้เลยว่าได้คืนเท่าไหร่ และธนาคารอาจจะยื่นข้อเสนอว่าถ้าไม่รับคืนก็จะคุ้มครองต่อ (ซึ่งการคุ้มครองมักจะเป็นได้เงิน ถ้าเราตาย ส่วนใหญ่ธนาคารจะทำประกันแบบนี้ให้ เพราะเค้ากลัวว่าเราตายก่อนผ่อนบ้านหมด ซึ่งผู้ที่ได้ก็ไม่ใช่เรา แต่เป็นผู้รับประโยชน์ในสัญญากรมธรรม์ )ซึ่งถ้าเราให้เค้าคุ้มครองต่อ เราก็แจ้งชื่อผู้รับประโยชน์ใหม่ไปได้เลย เพราะผู้รับประโยชน์เก่าในกรรมธรรม์ก่อนที่เราจะปิดบ้านหมด คือธนาคาร ) ดังนั้นคุณสามารถลองชั่งน้ำหนักดูได้ว่า จะเคลมเอาเงินคืน หรือให้เค้าคุ้มครองต่อไป

ทั้งหมดนี้เป็น 2 ข้อง่ายๆที่ผมได้จากประสบการณ์ตัวเอง ประหยัดเงินไปได้หลายแสน

ขอบคุณที่มาเนื้อหาจาก : pantip.com

ขอบคุณที่มา: http://www.naarn.com/11985/
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
SpiderMeaw's profile


โพสท์โดย: SpiderMeaw
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
28 VOTES (4/5 จาก 7 คน)
VOTED: paktronghie, zerotype, ดีเจ ซูกัส, หญิง วังแตก, แมวฮั่ว แมวขี้น้อยใจ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เลขเด็ด เลขมาเเรง เลขดัง "รวมหวยเด็ดสำนักดัง vol.14" งวดวันที่ 16 ตุลาคม 2567"ปอบตาพวง" ปอบตนแรกที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ พ.ศ.2435 (ร.ศ.111)ชื่นชม!พลเมืองดี ช่วยเจ้าตูบติดท่อระบายน้ำ ฝนตกหนักน้ำขึ้นหวิดจมอเมริกาเศรษฐกิจไม่ดี 7-11 ปิดไปแล้วเกือบ 450 แห่งอ้าง'ให้เงินหมื่น'ควาญที่มาช่วยช้าง'เล็ก'!ควาญบอกไม่ได้เงินและไม่ได้ต้องการ!ทำด้วยใจ!คนพิการลงทะเบียนเงินดิจิทัล 10,000 บาท รับเงินวันที่ 22 ต.ค. นี้ จริงเหรอ?
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2568 ได้เงินสูงสุด 1545 บาท คนมีสิทธิลงทะเบียนนิการากัวตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลแล้วชื่นชม!พลเมืองดี ช่วยเจ้าตูบติดท่อระบายน้ำ ฝนตกหนักน้ำขึ้นหวิดจมดราม่าหนัก ชาวกัมพูชาวิจารณ์เดือด หลังถูกยกเลิกเป็นเจ้าภาพ Miss Grand International 2024
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
ลักษณะของไทป์ ISTJ .กันต์ รอดหมายจับ? ทนายมั่นใจ! "ตั้ม" ซัดเดือด "ผู้ต้องหาผู้ยิ่งใหญ่" สังคมตั้งคำถาม "เส้นใหญ่" จริงหรือ?เที่ยวคนละครึ่ง คัมแบ็ค! ลุ้นรับ 2,000 บาท เที่ยวไทย กระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีกบ พิมลรัตน์' ประกาศขายชุดแต่งงานเพื่อนำเงินมอบให้มูลนิธิ
ตั้งกระทู้ใหม่