ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ได้รับพระราชทานอภัยโทษถูกปล่อยตัวซาบซึ้งในอิสรภาพไม่ขอกลับไปสู่การเมืองแล้ว
เมื่อเวลา 16.50 น.วันที่ 16 ธันวาคม 2559 ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กรมราชทัณฑ์ได้ปล่อยตัวนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นักการเมือง ผู้ต้องขังในคดีรื้อบาร์เบียร์ ต้องโทษจำคุก 2 ปี โดยเริ่มรับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2559 จนได้รับพระราชทานอภัยโทษด้วยการปล่อยตัว ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2559 เนื่องในโอกาสแรกนับแต่ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ ดดยมีผู้ต้องขังได้รับการปล่อยตัวทันทีประมาณ 30,000 คนทั่วประเทศ
บรรยากาศการปล่อยตัวนายชูวิทย์เป็นไปอย่างเรียบร้อย มีนางสุรัชดา แววศรี หรือ เก๋ ภรรยาของนายชูวิทย์พร้อมครอบครัวและผู้ติดตามมารอรับตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ทันทีที่ประตูเรือนจำเปิดลูกสาวนายชูวิทย์ ได้เข้าสวมกอดนายชูวิทย์ ก่อนนายชูวิทย์จะออกมาให้สัมภาษณ์ ว่า รู้สึกดีใจและสำนึกในพระมหาการุณาธิคุณต่อในหลวงรัชกาล 10 อย่างมาก สิ่งแรกที่อยากทำคือการกลับไปว่ายน้ำให้สบายตัว ส่วนในวันพรุ่งนี้(17ธันวาคม)จะเดินทางไปหาลูกสาวที่สหรัฐอเมริกา เวลา 17.00 น. เพื่อร่วมงานรับปริญญา 5 วัน
“ตลอดเวลาที่อยู่ในคุกรู้สึกสำนึกผิด และยอมรับต่อสิ่งที่ทำผิด จึงอุทิศตัวเป็นผู้ช่วยในทัณฑสถานโรงพยาบสลราชทัณฑ์ ซึ่งตั้งแต่ทำงานมาได้เห็นอะไรมากมาย เก็บศพไปแล้ว 80 ศพ จึงอยากจะทำบุญให้พวกเขา”นายชูวิทย์กล่าวและว่า “วันนี้ยังเก็บศพหญิงสาวที่ต้องโทษเป็นคนสุดท้ายด้วย ผมอยู่กับศพ กับน้ำเหลือง กับอึกับฉี่ ใครคิดว่าผมใช้ความเป็นบิ๊กเนมใช้ความสุขในเรือนจำไม่จริง และขอยืนยันว่าเป็นนักโทษเต็มตัว ไม่ได้อยู่สบาย หรือเป็นผู้ต้องขังบิ๊กเนมอย่างที่มีใครกล่าวถึง ที่สำคัญ ผมรับโทษจริง ไม่ได้อ้างว่า บวชอยู่ ป่วยอยู่หรือหนีคดีอะไร”
นายชูวิทย์ยอมรับว่า ยังไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรต่อหลังจากได้รับการปล่อยตัว แต่จะไม่ขอกลับไปเล่นการเมืองอย่างแน่นอน เพราะไม่อยากติดคุกอีกแล้ว ไม่มีความสุขใดจะเท่ากับการกลับมามีอิสระภาพอีกครั้ง
จากนั้นนายชูวิทย์ได้ทำท่าดีใจ พร้อมท่าสูดอากาศให้สื่อมวลชน ได้ถ่ายภาพเพื่อแสดงถึงการได้รับเสรีภาพอีกครั้ง ก่อนเดินขึ้นรถเพื่อกลับบ้านซึ่งภรรยาได้โผเข้ากอดและหอมแก้มนายชูวิทย์ก่อนขึ้นรถด้วย
สำหรับนายชูวิทย์ เหลือโทษจำคุก 6 เดือน จึงเข้าเกณฑ์พระราชทานอภัยโทษ และถูกจัดเป็นนักโทษชั้นดี เนื่องจากช่วยงานที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และถูกปล่อยตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์
ส่วนผู้ต้องโทษรายอื่นอย่าง นายเฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือผู้พันตึ๋ง ไม่เข้าข่ายได้รับการอภัยโทษ เพราะถูกลดชั้นปรับเป็นนักโทษชั้นเลว เช่นเดียวกับผู้ต้องขังในกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เช่น นายขวัญชัย ไพรพนา ก็ไม่เข้าหลักเกณฑ์ได้รับการลดวันต้องโทษหรือปล่อยตัว ตามพ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษในครั้งนี้เนื่องจากยังเป็นผู้ต้องขังชั้นกลาง
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ผู้ต้องขังคดีรื้อบาร์เบียร์ต้องโทษจำคุก 2 ปี จากกรณีมีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายร้อยคน พร้อมรถแบกโฮบุกทำลายร้านบาร์เบียร์ บริเวณสุขุมวิทสแควร์ ซ.สุขุมวิท 10 แขวงและเขตคลองเตย กทม. เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2546 โดยผู้ต้องโทษทั้งหมดในคดีรื้อบาร์เบียร์ถูกปล่อยตัวเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม เวลาประมาณ 16.00 น.