ศาลอนุมัติหมายจับ”องอาจ ธรรมนิทา”โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายข้อหายุยงปลุกปั่นผิด ม.116
องอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย
ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ“องอาจ ธรรมนิทา”โฆษกธรรมกายฐานยุยงปลุกปั่นฯผิดอาญามาตรา 116 แถลงจุดยืนของคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย 9 ข้อ หลังจากดีเอสไอเข้าแจ้งความกองปราบปราม
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2559 มีรายงานแจ้งว่า ศาลอาญา ถนนรัชดาฯได้อนุมัติหมายจับ นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายในข้อหากระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต โดยยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยทีมกฎหมาย เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ศรสุพรรณ อดทนศรีอนันต์ รองสารวัตร (สอบสวน) กก.2 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีนายองอาจ ในคดีดังกล่าว สาเหตุเมื่อวันที่ 11 ธันวาคมนายองอาจได้แถลงจุดยืนของคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย 9 ข้อ เข้าข่ายเป็นความผิด กระทั่งศาลอนุมัติหมายจับ ตามที่เจ้าพนักงานสอบสวนร้องขอ
มีรายงานว่าภายหลังจากพนักงานสอบสวนได้รับอนุมัติหมายจับแล้ว ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ให้รับทราบแล้ว
ความเป็นมาก่อนศาลอนุมัติหมายจับ
ที่กองปราบปราบ เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 ธันวาคม 2559 พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รองโฆษก กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วยทีมกฎหมาย เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ศรสุพรรณ อดทนศรีอนันต์ รองสารวัตร (สอบสวน) กก.2 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกศิษย์ยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย กับพวก ในข้อหากระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต โดยยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่อง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 โดยนำเอกสารที่เกี่ยวข้องมามอบให้กับพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม นายองอาจได้แถลงจุดยืนของคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย 9 ข้อ ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดตามรปะมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (2) ยุยงด้วยวาจา จึงมาแจ้งความ นายองอาจและผู้ที่เกี่ยวข้องโดยนำเอกสารหลักฐานต่างๆ มามอบให้พนักงานสอบสวนได้พิจารณาเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากข้อหาที่แจ้งดำเนินคดีไว้หาก เข้าข่ายความผิดอื่นใดก็ขอให้เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวนในการพิจารณาดำเนินคดีเพิ่มเติมตามความผิดข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย
ร.ต.อ.ศรสุพรรณเปิดเผยว่า ในเบื้องต้นได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องไว้ ก่อนจะเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
องอาจปฏิเสธไม่ได้เจตนายุยง ปลุกปั่น-ขอให้ถอนแจ้งความ
ต่อมานายองอาจ ธรรมนิทา แถลงผ่านเฟซบุ๊ก เพจ เครือข่ายคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลกว่า ตามที่มีข่าวว่าทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับกระผม นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ในข้อหายุยง ปลุกปั่น ให้เกิด ความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ที่กองบังคับการปราบปรามนั้น กระผมขอเรียนชี้แจง ดังนี้
“กระผมขอปฏิเสธว่าไม่ได้มีเจตนายุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน แต่ประการใดในการแถลงข่าวที่ผ่านมามีแต่เพียงการนำเสนอความจริงที่เกิดขึ้นต่อสื่อมวลชน เป็นการพูดโดยหลักการเท่านั้น เพื่อให้ทางราชการเข้าใจถึงความรู้สึกนึกคิดของประชาชน คือ คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาให้สำเร็จ ด้วยความสงบเรียบร้อย กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เป็นหน่วยงานระดับกรม มีบุคลากรนับพันคนที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย มีอาวุธ และมีงบประมาณปีละหลายพันล้านบาท
เมื่อ DSI ตั้งตัวเป็นคู่กรณี แจ้งความกล่าวโทษใคร คนๆ นั้นย่อมต้องกลัว เพราะเหมือนสู้อยู่กับยักษ์ใหญ่ มีกระบอง มีอำนาจ มีเงินมหาศาล แต่กระผมแม้เป็นเพียงเด็กหนุ่ม ไม่มีอำนาจราชศักดิ์ใดๆ แต่ก็เชื่อมั่นในความถูกต้องบริสุทธิ์ใจของตน และพร้อมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ตามกระบวนการยุติธรรมแทนที่จะค้าความตั้งตนเป็นคู่กรณีกับประชาชน ซึ่งอาจทำให้คนหวาดกลัวไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ DSI เกรงว่าภัยจะมาถึงตัว ถ้า DSI ใช้โอกาสนี้รับฟังความเห็น ของประชาชน เพื่อพิจารณาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สมบูรณ์ขึ้น จนเป็นที่ยอมรับของประชาชน ย่อมจะเป็นแนวทางที่ถูกต้องสร้างสรรค์ สมเป็นหน่วยราชการที่รับใช้ประชาชนมิใช่หรือ? จึงขอเรียกร้องให้ DSI แสดงความจริงใจต่อประชาชน โดยการถอนแจ้งความ”