CPR ของไทย และ CPR+AED ของประเทศญี่ปุ่น CPR อย่างเดียว โอกาสรอดมีเพียง 5% แต่หาก CPR+ใช้เครื่องAED โอกาสรอด 47%
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความชื่นชมคุณรังษี วงศ์ชัย พยาบาลสาวประจำโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ที่มีโอกาสช่วยชีวิตชาวต่างชาติบนประเทศโลกที่1 อย่างญี่ปุ่น เป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย เมื่อเราดูรายละเอียดจากรูปจะเห็นได้ว่ามีเครื่องสีส้มๆ อยู่ข้างๆ นั่นคือเครื่อง AED ซึ่งเป็นตัวช่วยที่สำคัญอย่างหนึ่งในขั้นตอนการ CPR ครับ
.
จากข้อมูลที่ทางเพจได้สอบถามกับทาง สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(สพฉ.) พบว่าในประเทศญี่ปุ่นมีเครื่อง AED ติดตามพื้นที่สาธารณะไม่น้อยกว่า 4 แสนเครื่อง หากใครไปญี่ปุ่นจะพบว่าจะมีอยู่ทุกสถานีรถไฟฟ้าและจุดที่มีประชากรหนาแน่น เพราะจากสถิติในการทำ CPR นอกสถานพยาบาลพบว่า โอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจหยุดเต้นฉับพลัน ถ้าช่วยเหลือโดยการทำ CPR อย่างเดียว โอกาสรอดมีเพียง 5% แต่หากช่วยโดยการทำ CPR+ใช้เครื่องAED โอกาสรอดจะเพิ่มขึ้นเป็น 47%
.
ดังนั้นทางไทยจึงได้มีการรณรงค์ให้มีการใช้เครื่องAED มากขึ้น โดยทาง สพฉ. ได้ทำการผลักดันให้เครื่อง AED เป็นเครื่องมือปฐมพยาบาลซึ่งแต่เดิมเป็นเครื่องมือแพทย์ ทำให้ประชาชนทั่วไปที่ไม่ใช่แพทย์สามารถใช้งานได้
.
ในปี 2558 จากสถิติสาเหตุการเสียชีวิตที่สูงที่สุดในประเทศไทย พบว่าสาเหตุเกี่ยวกับโรคหัวใจติดใน 3 อันดับแรก จากหลายๆข่าวเราจะพบอีกว่ามีการทำ CPR ทั้งสำเร็จและไม่สำเร็จ อย่างในเคสที่เด็กจมน้ำ ที่ตำรวจและพยาบาลสามารถช่วยได้นั้นคือ 5% ที่สำเร็จ ดังนั้นเราน่าจะเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของคนไทยให้สูงขึ้นเป็น 47% ดีไหม??
.
ซึ่งปัจจุบันเรามีเครื่อง AED บนพื้นที่สาธารณะไม่น่าเกิน 1 หมื่นเครื่อง ดังนั้นทางเพจเราจึงรณรงค์ให้มีการติดตั้งตามพื้นที่สาธารณะ แต่อย่าถามเลยว่าทำไมไม่ให้ภาครัฐทำทั้งหมด พวกเราก็น่าจะทราบถึงปัญหาในระบบราชการและงบประมาณของเราดี
.
ในเมื่อเราเป็นประชาชนคนหนึ่งที่เกิด เติบโตและใช้ชีวิตบนแผ่นดินไทย หากสิ่งไหนเป็นประโยชน์แก่ประเทศ,ประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งเราสามารถทำได้ เราก็ควรทำมันไม่ใช่หรือครับ ^^
สังเกตุอุปกรณ์สีส้มขนาดเล็กคือเครื่อง AED ครับผม Link ข่าว >>https://www.khaosod.co.th/monitor-news/news_133453
https://www.facebook.com/streetheroproject/photos/a.905311766239508.1073741829.838203756283643/989796074457743/?type=3&theater