กรมศิลปากร เผยภาพออกแบบ "พระเมรุมาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช"
ขนาดของพระเมรุมาศในครั้งนี้จะใหญ่กว่า 4 ครั้งหลังที่ผ่านมา
แบบพระเมรุมาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ทรงบุษบก 9 ชั้น สูง 50.49 เมตร เป็นองค์ประธานอยู่ตรงกลาง มีซุ้มบุษบกรายรอบ 8 ซุ้ม กว้างด้านละ 60 เมตร
แนวคิดในการสร้างพระเมรุมาศ ยึดหลักการประกอบพิธีของราชวงศ์สมัยรัตนโกสินทร์ มี 9 ยอด และแนวคิดเกี่ยวกับโครงการพระราชดำริมาสอดแทรกโดยรอบ โดยการก่อสร้างจะทำให้สมพระเกียรติและทันสมัย
การออกแบบครั้งนี้กรมศิลปากรกำหนดกรอบแนวคิดไว้ 3 ประการคือ
1.ต้องสมพระเกียรติ เพราะเป็นการถวายพระเพลิงของพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
2.ออกแบบตามหลักราชประเพณีโบราณยึดแบบสมัยรัตนโกสินทร์ เพราะแบบของสมัยอยุธยาไม่มีรูปแบบที่เป็นหลักฐาน จึงดูแบบพระเมรุมาศของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล
3.การออกแบบครั้งนี้ยึดหลักไตรภูมิ ตามคัมภีร์พระพุทธศาสนาและความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์คือสมมติเทพ ตามระบบเทวนิยม
ซึ่งจาก 3 แนวคิดหลักนี้ก็ปรากฏเป็นแบบพระเมรุมาศในครั้งนี้ คือ แบบทรงยอดบุษบก องค์หลักจะอยู่กึ่งกลางอันหมายถึงเขาพระสุเมรุ อีก 8 มณฑป ที่อยู่รายรอบนั้นหมายถึงเขาสัตตบริภัณฑ์ อันหมายถึงระบบจักรวาล
โดยพระเมรุมาศจะเป็นทรงบุษบก 9 ชั้น สูง 50.49 เมตร เป็นองค์ประธานอยู่ตรงกลาง และมีซุ้มบุษบกรายรอบ 8 ซุ้ม ประกอบกับจะมีการประดับสัตว์หิมพานต์รอบพื้นที่ ซึ่งมีพื้นที่โดยรอบจะเป็นผังสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างด้านละ 60 เมตร และใช้เสาโครงแบบครุฑ
การสร้างพระโกศจันทน์ ขณะนี้แบบเสร็จเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว ซึ่งจะเป็นไปตามราชประเพณีทุกประการ การออกแบบจะประกอบขึ้นจากลายกนกต่าง ๆ โดยทุกขั้นตอนจะดูแลจากช่างกรมศิลปากรอย่างใกล้ชิด
พระที่นั่งทรงธรรม ครั้งนี้จะมีขนาดใหญ่ขึ้นอีก และมีสิ่งปลูกสร้างโดยรอบตามนี้
สำหรับการออกแบบภูมิทัศน์จะมีการศึกษาเรื่องที่เกี่ยวกับโครงการต่างๆ ของพระองค์ เช่น กังหันชัยพัฒนา เครื่องดันน้ำ การปลูกหญ้าแฝก ฯลฯ จะถูกนำมาใช้ในการออกแบบและปรับปรุงภูมิทัศน์ ขณะที่งานศิลปกรรมจะยึดคติความเชื่อตามระบบจักรวาล ทั้งเทพ เทวดา สัตว์หิมพานต์ อันเกี่ยวกับสมมติเทพทั้งหมด ซึ่งเป็นไปตามราชประเพณีที่มีมาตั้งแต่อดีต
จะมีการบวงสรวงในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ โดยมีพล.อ.ธนะศักดิ์ เป็นประธาน เป็นไปตามธรรมเนียมคติความเชื่อที่ก่อนจะดำเนินการสร้างจะต้องมีการบูรณะราชรถ ราชยาน ทั้งหมดนี้จะต้องแล้วเสร็จก่อนเดือนก.ย.2560
แหล่งที่มา:
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_118596
http://hilight.kapook.com/view/145756
https://twitter.com/ThanawatLive