ผู้บริโภคหนุน สคบ.คุมค่าน้ำ – ไฟ แนะ ออกสัญญาเช่าหอพักมาตรฐาน
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคหนุนให้ สคบ.ออกประกาศควบคุมสัญญาเรื่องการเช่าหอพัก หรือห้องเช่า และให้กำหนดอัตราค่าสาธารณูปโภคที่ต้องคิดตามจริง โดยให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่หน่วยงานรัฐจัดเก็บ
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2559 - นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เรื่องการให้เช่าที่พักอาศัยนั้น สคบ.ควบคุมเฉพาะเรื่องใบเสร็จ แต่ไม่มีการควบคุมสัญญาการให้เช่า หรือมีสัญญาที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งในสัญญาของผู้ประกอบการหลายรายมีการเอาเปรียบผู้บริโภคหลายประเด็น เช่น คิดค่าที่จอดรถทั้งที่ไม่มีรถจอดจริง หรือค่าทาสีห้อง ที่ผู้ให้เช่าห้องมักเรียกเก็บกับผู้เช่าเวลาย้ายออก
“ตอนนี้สัญญาเป็นแบบใครอยากออกก็ออกไป โดยใช้ทำเลทางธุรกิจเอาเปรียบผู้บริโภค เช่น ใกล้ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย หรือรถไฟฟ้า แล้วเรียกเก็บค่าเช่าที่สูง หรือมีการเรียกเก็บค่าขอเปลี่ยนห้องจากห้องเดิมเป็นห้องใหม่ โดยเสียค่าปรับเปลี่ยนห้องเช่า ๑,๐๐๐ บาท และจากการตรวจสอบหลายครั้ง ห้องที่เข้าไปอยู่ก็ไม่มีการปรับปรุง หรือทาสีใหม่แต่อย่างใด แต่เรียกเก็บค่าทาสีจากผู้เช่า ซึ่งนี่เรียกว่าสัญญาไม่เป็นธรรม” นางนฤมลกล่าว
หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิฯ ให้ความเห็นว่า เขาต้องการเห็นสัญญามาตรฐานในเรื่องการเช่าที่พักอาศัย เช่น ห้ามหักเงินประกันเมื่อย้ายออก ยกเว้นกรณีเกิดความเสียหาย ซึ่งสัญญามาตรฐานควรมี ๑.รายการที่ผู้ประกอบการเรียกเก็บได้ เช่น การดูแลรักษาห้องพัก ๒.อัตราค่าปรับที่กำหนดเป็นเกณฑ์ และ ๓.มาตรฐานการเก็บค่าสาธารณูปโภคตามอัตราที่รัฐจัดเก็บ จึงขอให้ สคบ.ออกประกาศควบคุมสัญญาธุรกิจให้เช่าที่อยู่อาศัยเป็นสัญญามาตรฐาน
นางนฤมล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ขณะนี้หากผู้บริโภครู้สึกว่าสัญญาการเช่าที่พักอาศัยของตัวเองไม่เป็นธรรมจะต้องใช้วิธีการฟ้องร้องต่อศาลเท่านั้น เพื่อให้พิจารณาว่าข้อสัญญาดังกล่าวเป็นธรรมหรือไม่ อย่างไรก็ดี หากผู้ใดคิดว่าสัญญาเช่าของตัวเองไม่เป็นธรรม สามารถส่งเอกสารสำเนาคู่สัญญาดังกล่าว เช่น การเช่าอพาร์ทเมนท์ หอพัก บ้าน โดยแจ้งชื่อ ที่อยู่ข้อมูลของผู้ร้องมาที่อีเมล
complaint @ consumerthai.org โดยทางมูลนิธิฯ จะรวบรวมข้อมูลนำเสนอต่อ สคบ.ให้แก้ไข และออกประกาศเรื่องสัญญามาตรฐานต่อไป