ป.ป.ช.ชี้มูล ‘สาธิต รังคสิริ’ อดีตอธิบดีสรรพากรร่ำรวยผิดปกติกว่า 700 ล้าน ชง อสส.ฟ้องศาลยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน
นายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟัน สาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากรอีกเหตุร่ำรวยผิดปกติกว่า 700 ล้านบาท ส่งไม้ต่อให้ อสส.สำนักงานอัยการสูงสุดฟ้องศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบให้ยึดทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินและมีมติส่งข้อมูลอีกบุคคลคดีทุจริตภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ ปปง.สอบ
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 รายงานข่าวจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการไต่สวน นายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง กรณีร่ำรวยผิดปกติ มูลค่าประมาณ 700 ล้านบาทนั้น ขณะนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นายสาธิต ฐานร่ำรวยผิดปกติแล้ว และส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ดำเนินการส่งฟ้องต่อศาลอาญา แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงและชี้มูลความผิดทางอาญากับ นายสาธิตและ นายศุภกิจ ริยะการ อดีตสรรพากรพื้นที่กรุงเทพฯ 22 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีทุจริตคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 4.3 พันล้านบาท โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตรวจสอบพบว่า นายสาธิต ได้รับผลประโยชน์โดยได้เงินที่บริษัทเอกชนขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม จำนวนประมาณ 179 ล้านบาท ไปซื้อทองคำแท่งและนายสาธิต เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในทองคำแท่งดังกล่าวด้วย ซึ่งไม่ปรากฏในบัญชีทรัพย์สินที่ต้องยื่นต่อ ป.ป.ช.ก่อนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะไต่สวนเพิ่มเติมและพบว่ามีทรัพย์สินมูลค่าทั้งหมดประมาณ 600 ล้านบาทและสั่งอายัดทั้งหมด ปัจจุบัน นายสาธิตถูกไล่ออกจากราชการแล้ว
นอกจากนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังได้มีมติให้ส่งข้อมูลของบุคคลรายหนึ่ง ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีความเกี่ยวข้องในคดีทุจริตคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 4.3 พันล้านบาท ไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อดำเนินการสอบสวนเส้นทางการเงินด้วย
ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายสาธิต กรณีการร่ำรวยผิดปกติ 714,938,147 บาท
ขณะที่นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงผลการประชุม ป.ป.ช.ว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายสาธิต กรณีการร่ำรวยผิดปกติ 714,938,147 บาท โดยให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาคดี เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์สินดังกล่าวของนายสาธิตตกเป็นของแผ่นดินต่อไป พร้อมแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาของนายสาธิต สั่งลงโทษไล่ออกหรือปลดออก โดยถือเป็นการกระทำทุจริตต่อหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 80 (4)
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบของ ป.ป.ช.พบว่า นายสาธิต มีทรัพย์สินมากผิดปกติที่อยู่ในชื่อของนายสาธิต คู่สมรส บุตร บริษัท สิริกาญจนา จำกัด และบุคคลภายนอก โดยทรัพย์สินของนายสาธิตที่ร่ำรวยผิดปกติ มีดังนี้
1.รายการสั่งซื้อทองคำแท่งในชื่อนายสาธิต มูลค่า 607,239,100 บาท
2.เงินฝากในบัญชีเงินฝากในชื่อคู่สมรส 2 บัญชี มูลค่า 3,570,000 บาท
3.เงินลงทุนในหลักทรัพย์ที่ซื้อผ่านบัญชีขายหลักทรัพย์ ในชื่อคู่สมรส 435,100 บาท
4.เงินฝากในบัญชีธนาคารในชื่อบุตร จำนวน 4 บัญชี มูลค่า 5,703,034 บาท
5.เงินลงทุนในบริษัทจำกัด ในชื่อบุตร จำนวน6 แห่ง มูลค่า 15,733,300 บาท
6.เงินหลักประกันที่มีการนำฝากเข้าบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ในชื่อบุตร 7,675,350 บาท
7.ที่ดินในชื่อบุตร ที่ จ.หนองคาย สมุทรปราการ นครราชสีมา จำนวน 5 แปลง มูลค่า 22,554,000 บาท
8.รถยนต์ยี่ห้อ LEXUS รุ่น RX450 h Premium MR (ปี ค.ศ.2013) ทะเบียน 1กล - 0974 กรุงเทพมหานคร ที่อยู่ในชื่อบุตร มูลค่า 1,000,000 บาท
9.ที่ดินในชื่อบริษัท สิริกาญจนา จำกัด ที่ตั้งอยู่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จำนวน 1 แปลง มูลค่า 46 ล้านบาท
10.เงินฝากในบัญชีธนาคารของบุคคลภายนอก 1 บัญชี มูลค่า 5,028,260 บาท



















